พระขาชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540
หมวด 4
คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด
มาตรา
23
จังหวัดใดมีราษฎรนับถือศาสนาอิสลาม และมีมัสยิดตามมาตรา 13 ไม่น้อยกว่าสามมัสยิด
ให้คณะกรรการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยประกาศให้จังหวัดนั้นมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดคณะหนึ่งประกอบด้วยกรรมการมีจำนวนไม่น้อยกว่าเก้าคนแต่ไม่เกินสามสิบคน
การคัดเลือกกรรมการอิสลามประจำจังหวัด
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้อิหม่ามประจำมัสยิดในจังหวัดนั้นเป็นผู้คัดเลือก
ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
ให้คณะกรรมการเลือกกรรมการด้วยกันเป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ เลขานุการและตำแหน่งอื่นตามความจำเป็น
ให้กระทรวงมหาดไทยประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ เลขานุการ
และกรรมการอิสลามประจำจังหวัดในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา
24
กรรมการอิสลามประจำจังหวัดต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม
ดังต่อไปนี้
(1)
มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 17
(2)
เป็นสัปปุรุษประจำมัสยิดในจังหวัดนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปีก่อนวันคัดเลือก
(3)
มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปีก่อนวันคัดเลือก
มาตรา 25
กรรมการอิสลามประจำจังหวัดมีวาระการดำรงตำแหน่งหกปี
เมื่อตำแหน่งกรรมการอิสลาม
ประจำจังหวัดว่างลงให้มีการคัดเลือกกรรมการแทนภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่าง ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงเว้นแต่ตำแหน่งกรรมการว่างลงก่อนถึงกำหนดตามวาระไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
และยังมีกรรมการเหลืออยู่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการที่ได้รับการคัดเลือก
จะไม่ให้มีการคัดเลือกกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างก็ได้ กรรมการที่ได้รับการคัดเลือกแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
มาตรา 26
ในจังหวัดที่มีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(1)
ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นเกี่ยวกับศาสนาอิสลามต่อผู้ว่าราชการจังหวัด
(2)
กำกับดูแลและตรวจตราการปฏิบัติงานของคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิดในจังหวัด
และจังหวัด
อื่นตามที่คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยมอบหมาย
(3)
ประนีประนอมหรือชี้ขาดคำร้องทุกข์ของสัปปุรุษประจำมัสยิดซึ่งเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก
คณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิด
(4)
กำกับดูแลการคัดเลือกกรรมการอิสลามประจำมัสยิดให้เป็นไปโดยเรียบร้อย
(5)
พิจารณาแต่งตั้งและถอดถอนกรรมการอิสลามประจำมัสยิด
(6)
สอบสวนพิจารณาให้กรรมการอิสลามประจำมัสยิดพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา
40 (4)
(7)
สั่งให้กรรมการอิสลามประจำมัสยิดพักหน้าที่ระหว่างถูกสอบสวน
(8)
พิจารณาเกี่ยวกับการจัดตั้ง การย้าย
การรวม และการเลิกมัสยิด
(9)
แต่งตั้งผู้รักษาการแทนในตำแหน่ง อิหม่าม
คอเต็บ และบิหลั่น เมื่อตำแหน่งดังกล่าวว่างลง
(10) ออกหนังสือรับรองการสมรสและการหย่าตามบัญญัติแห่งศาสนาอิสลาม
(11) ประนีประนอมข้อพิพาทเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวและมรดกตามบัญญัติแห่งศาสนาอิสลาม
เมื่อได้รับ
การร้องขอ
(12) จัดทำทะเบียนทรัพย์สิน เอกสารและบัญชีรายรับ รายจ่าย
ของสำนักงานคณะกรรมการอิสลาม
ประจำจังหวัดให้ถูกต้องครบถ้วนเป็นปัจจุบัน และรายงานผลการดำเนินงาน
ฐานะการเงินและทรัพย์สินให้คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยทราบปีละหนึ่งครั้ง
ภายในเดือนมีนาคมของทุกปี
(13) ออกประกาศและให้คำรับรองเกี่ยวกับกิจการศาสนาอิสลามในจังหวัด
มาตรา 27
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 25
กรรมการอิสลามประจำจังหวัดพ้นจาก
ตำแหน่งเมื่อ
(1)
ตาย
(2)
ลาออก
(3)
คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยมีมติให้พ้นจากตำแหน่งเพราะขาดคุณสมบัติ
หรือมี
ลักษณะต้องห้ามตามมาตรา
24
ให้กระทรวงมหาดไทยประกาศรายชื่อกรรมการอิสลามประจำจังหวัดที่พ้นจากตำแหน่งในราชกิจจา
นุเบกษา
มาตรา 28
การประชุมคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ให้นำมาตรา 21 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา 29
ให้มีสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดมีฐานะเป็นนิติบุคคล
มีหน้าที่เดี่ยวกับ
กิจการของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด โดยมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเป็นผู้แทนของสำนักงานในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก เพื่อการนี้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดอาจมีมติมอบหมายให้กรรมการคนหนึ่งหรือหลายคนทำการแทนก็ได้ และให้เลขานุการคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเป็นผู้รับผิดของในกิจการของสำนักงาน
**คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดชลบุรีมีวาระดำรงตำแหน่ง 6 ปี โดยชุดปัจจุบัน ได้รับการคัดเลือกตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560